Mono and Wander's Side Story
Bath

 

    คนจรรู้สึกเหมือนตนเองใกล้บ้าเต็มที เมื่อได้ยินเสียงน้ำสาดซ่ากับเสียงร้องเพลงด้านหลังก้อนหินที่ตนนั่งพิงอยู่

    เลยสิบห้านาทีไปแล้ว โมโนดูท่าจะเล่นน้ำเพลินจนลืมเวลาเสียจริงๆ

    ตอนแรกที่เห็นน้ำตกเล็กๆ นี้ เด็กสาวดีใจแทบกระโดดตัวลอย มองตาเป็นประกายเหมือนเด็กเล็กๆ เห็นของเล่น รีบถามเขาทันควันว่าขออาบน้ำได้ไหม หลังจากไม่เจอแหล่งน้ำที่พอจะใช้อาบได้เลยมาสองวันได้แล้ว

    เด็กหนุ่มไม่เข้าใจเลยว่าสองวันจะเป็นอะไรหนักหนา ไม่อาบน้ำมาร่วมอาทิตย์ตอนเดินทางเขายังเคยทำมาแล้ว แต่พอเย็นวันแรกของการเดินทาง โมโนถามว่าเดินทางกลางป่าจะอาบน้ำยังไง แล้วเขาตอบว่าต้องทนไปก่อนจนกว่าจะเจอแหล่งน้ำสะอาด เธอก็ทำหน้าแหยงๆ เหมือนรับไม่ได้ อ้างว่าตัวเองต้องอาบน้ำวันละสองครั้ง หรืออย่างน้อยวันละครั้งในฤดูหนาวมาตลอด จนเขาเสนอทางแก้ขัดให้เอาผ้าชุบน้ำเช็ดตัวไปก่อน

    เด็กสาวเลยเอาผ้าคลุมมากั้นเป็นฉากเช็ดตัวทุกเช้าเย็นทั้งสองวัน ถึงอย่างนั้นยังบ่นเหนียวตัว มองบึงที่มีจอกแหนตะไคร่เขียวที่เจอเมื่อสายของวันวานตาละห้อย เหมือนจะโทษพืชเจ้าของสระที่ทำให้เธอลงอาบไม่ได้ (ทั้งๆ ที่มันเป็นเจ้าของบึงก่อนเธอมานานนม) ครั้นเจอน้ำตกใสน่าเล่นที่เขาบอกว่าใช้อาบได้ในบ่ายวันนี้ เธอก็คว้าผ้าคลุมตรงรี่ไปหาน้ำ โดยไม่ลืมย้ำกับเขาว่า "ห้ามแอบดูนะคะ" เกินรอบที่สิบได้แล้วหลังจากอยู่ร่วมกันมา

    ...นี่ก็อีกเรื่อง...

    มันจะอะไรกันนักกันหนา จะอาบก็ไม่ชวนเขาอาบด้วยสักคำ มาถึงขั้นนี้แล้วยังจะอายต่อเนื่องอะไรอีก คนจรอดนึกค่อนขอดในใจไม่ได้

    เขาคงเป็นสามีที่เลวร้ายที่สุดใช่ไหม ที่นึกอยากถ้ำมองภรรยาตัวเองขึ้นมาตะหงิดๆ

    ...หรือจะเป็นสามีที่น่าสมเพชมากกว่าก็ไม่รู้...

    คนจรเอาหัวโขกก้อนหินด้านหลังเบาๆ สองสามครั้งเพื่อห้ามตนเองไม่ให้ฟุ้งซ่าน อะโกรที่ถูกล่ามหมุดไว้เอียงคอมองอาการแปลกๆ ของเจ้านายตนอย่างสงสัย เขาเลยปรายตามองไปทางมันก่อนจะแขวะใส่

    "ไม่ต้องมามองเลย เจ้ายังไม่มีเมียจะไปเข้าใจได้ยังไง"

    ม้าเพื่อนยากทำเสียงรับในคอ ไม่รู้ว่าเขาอุปาทานไปเองหรือเปล่าว่ามันกำลังหัวเราะเยาะ เลยตั้งท่าจะหาเรื่องม้าต่อ แต่เสียงคนเล่นน้ำกลับดังขึ้นเสียก่อน

    "พี่คนจรคะ ตะกี้พูดอะไรกับข้ารึเปล่าคะ"

    "ป...เปล่านี่" เด็กหนุ่มรีบตอบ "ก็แค่...แค่บ่นอะไรไปตามเรื่องตามราวน่ะ"

    "บ่นอะไรหรือคะ"

    "ม...ไม่มีอะไรหรอก" คนจรรีบถามกลบเกลื่อน "ว่าแต่เจ้าน่ะ ขึ้นได้หรือยัง"

    "อีกเดี๋ยวแหละค่ะ" โมโนตอบเสียงใส "ขออีกหน่อยนะคะ ข้าไม่ได้อาบน้ำสบายๆ อย่างนี้มานานแล้วนี่นา"

    "อืม...อืม ตามสบายเถอะ" เด็กหนุ่มตอบพร้อมกับเอี้ยวหน้าไปด้านข้าง กะว่าจะแอบเหลือบสักหน่อย แต่ก็กลัวว่าอีกฝ่ายรู้เข้าจะโกรธขึ้นมา

    เด็กสาวไม่ตอบว่าอะไรอีก เสียงน้ำไหลกับเสียงร้องเพลงยังดังต่อไปเรื่อยๆ ให้เขาได้แต่ถอนใจ จินตนาการภาพนางพรายผิวขาวนวลเล่นน้ำอย่างกล้าๆ กลัวๆ ว่าใจจะเตลิดจนหยุดไม่อยู่


    "เสร็จแล้วค่ะ" คงอีกห้านาทีอันทรมานผ่านไปกระมัง เขาถึงได้ยินเสียงเธอตอบ "เดี๋ยวพี่คนจรลงมาอาบได้แล้วล่ะ"

    "ไม่เอา" คนจรรีบตอบทันควัน "ไม่อาบ"

    อีกฝ่ายเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถามแกมต่อว่า

    "ทำไมล่ะคะ ท่านไม่ได้อาบน้ำมาสองวันแล้วนะ!"

    "ถ้าจะให้ข้าอาบ...เจ้าต้องอาบให้"

    มีเสียงต๋อมเหมือนอะไรบางอย่างตกน้ำ โมโนเงียบไปนานกว่าเดิมก่อนจะแหวอย่างคนแหวไม่เป็นเช่นเคย

    "อย่าทำตัวเป็นเด็กๆ สิคะ! ข้าเลิกให้เมยาอาบให้ตั้งแต่สิบขวบแล้วนะ!"

    เด็กหนุ่มแอบหัวเราะน้อยๆ ในคอ

    "ข้าอาบน้ำเองตั้งแต่หกขวบ เร็วกว่าเจ้าตั้งสี่ปีแน่ะ"

    "เอ๊ะ ก็อาบน้ำเป็นแล้วทำไมต้องให้ข้าอาบให้ล่ะคะ!"

    "ทำไม ภรรยาอาบน้ำให้สามีหน่อยไม่ได้เหรอ"

    "ก...ก็...สามีนะไม่ใช่ลูก"

    "เวลาอยู่กับผู้หญิง...ผู้ชายทุกคนคือเด็ก ไม่เคยได้ยินหรือไง" คนจรย้อน "ไม่รู้ด้วยล่ะ ถ้าเจ้าไม่ยอมอาบให้ ข้าก็จะไม่อาบ"

    ไร้เสียงตอบจากเด็กสาวนานกว่าสองครั้งก่อนหน้า ก่อนเธอจะพูดอย่างจนใจ

    "ก็ได้ค่ะ"

    "แน่นะ" คนจรถามย้ำ

    "ถ้าอยากให้ข้าอาบให้ ก็รีบลงมาสิคะ"

    เด็กหนุ่มลุกพรวด สลัดเสื้อผ้าทุกชิ้นพ้นตัวเร็วเหมือนเด็กเตรียมโดดน้ำตูม ทว่าเสียงอีกฝ่ายยังดังตะกุกตะกักไล่หลังมาก่อนจะทันก้าว

    "แต่อย่า...มา--เอ่อ--ตัวเปล่า...นะคะ"

    คนจรชะงักกึก ถอนใจเฮือกก่อนจะเปิดกระเป๋าคว้าผ้าที่ใช้เช็ดตัวมาพันรอบเอว

    "เข้าใจล่ะ"


    ภาพที่รอรับสายตาอยู่คือเด็กสาวร่างแบบบางที่ยืนอยู่ท่ามกลางโขดหินในน้ำลึกถึงเอว มีผ้าคลุมสีเข้มพันกระโจมอกรอบตัวเรียบร้อย ดวงหน้าเอาเรื่องที่เสมองเขาเหมือนจะมีสีเรื่อขึ้นน้อยๆ ไม่รู้เป็นเพราะแดดหรือเพราะคนตรงหน้ากันแน่

    คนจรพอคาดการณ์ได้แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้ แต่ก็ปลอบใจว่าอย่างน้อยเขาก็ไม่เคยเห็นไหล่ขาวๆ ของโมโนใต้แสงแดดอย่างนี้มาก่อนแหละน่า

    "อันที่จริงไม่ต้องเอาผ้าห่อตัวซะมิดชิดขนาดนี้ก็ได้" เด็กหนุ่มพูดแห้งๆ "คนกันเองแท้ๆ อาบน้ำทั้งที่เอาผ้าเปียกห่อตัวจะสบายหรือ"

    "ข้าก็ห่อตัวมาตลอดแบบนี้ล่ะค่ะ" เด็กสาวพูดเสียงเข้มแม้หน้าจะแดงก่ำขึ้น "ก็เราอยู่กลางป่า นก ปลา ตัวอะไรต่อมิอะไรเต็มไปหมด กระทั่งองค์สุริยเทพยังฉายแสงอยู่บนฟ้าเลย น่าอายออก"

    "แล้วอย่างนี้เวลาอาบน้ำในห้อง เจ้าไม่ต้องอายถังกับเพดานห้องอาบน้ำรึไง"

    อีกฝ่ายเม้มปากแน่นก่อนจะเอ็ดเสียงเขียว

    "ช...ช่างข้าเถอะค่ะ! จะให้ข้าอาบให้ก็รีบลงมาสิ"

    พอเขาลงน้ำ ก้าวเข้าไปใกล้ช้าๆ อย่างลังเล (จริงๆ คือทอดเวลาให้ช้าไปอีกจะได้มีเวลามองร่างบอบบางนานขึ้น) จนถึงตัว เด็กสาวก็คลี่ยิ้ม พูดอย่างร่าเริงผิดกับก่อนหน้า

    "หันหลังมาสิคะ"

    เด็กหนุ่มเย็นสันหลังวาบ ไม่ใช่เพราะอุณหภูมิของน้ำ แต่เพราะสีหน้ายิ้มกริ่มอย่างผู้ชนะของอีกฝ่าย

    ...มาถึงขั้นนี้คงถอยกลับไม่ได้แล้ว...

    พอหันหลังตามคำบอก คำสั่งที่สองก็ตามมา

    "ย่อตัวลงด้วย"

    คนจรทำตามแต่โดยดี ก่อนน้ำเย็นจะราดจากหัวลงมาถึงหน้า เข้าตาจมูกปากรายทางจนแทบสำลักเพราะตั้งตัวไม่ติด

    "เดี๋ยว...นี่เจ้าจะทำอะไร"

    "ก็สระผมไงคะ" น้ำระลอกสองตามมาอีก เด็กหนุ่มเลยต้องรีบแหงนหน้าทันควันเพื่อกันน้ำ "ไหนบอกให้ข้าอาบให้ไม่ใช่เหรอ"

    "เอาอย่างนี้เลยหรือ" เขาถามพร้อมๆ กับรู้สึกได้ว่ามืออีกฝ่ายเริ่มขยี้ๆ ผม

    "ก็อาบน้ำเขาต้องทำกันอย่างนี้ไม่ใช่หรือคะ" โมโนถามซื่อๆ "แบบที่เมยาเคยอาบให้ข้าไง"

    "ก...ก็ใช่นะ" เขานึกไปถึงตอนเด็กๆ ที่โดนย่าจับอาบน้ำไม่มีผิด

    "เสียดายไม่มีสบู่ ตอนเข้าหมู่บ้านท่านต้องซื้อมานะคะ"

    "รู้แล้ว" คนจรรับ ทั้งๆ ที่ตนเองไม่เคยเห็นความสำคัญของอุปกรณ์ประกอบการอาบน้ำของคนเมืองเท่าใดนัก "เดี๋ยวซื้อให้ จะซื้อน้ำมันใส่ผมกลิ่นเซ็นนาให้เจ้าด้วย"

    "ขอบคุณค่ะ ว่าแต่ตัดผมได้แล้วนะคะ เริ่มยาวแล้ว" เด็กสาวเปรยอีกก่อนจะต่อเมื่อนึกขึ้นได้ "เดี๋ยวอาบเสร็จข้าจะตัดให้ก็แล้วกัน"

    เด็กหนุ่มรู้สึกเย็นวาบที่ท้ายทอย

    "เจ้าเคยตัดผมให้ใครมาก่อนเหรอ"

    "ไม่เคยค่ะ จะมีท่านเป็นคนแรกนี่ล่ะ" เด็กสาวตอบเสียงร่าเริงแบบไม่ทันคิดอะไร ผิดกับอารมณ์ของคนฟัง

    ...เป็น 'คนแรก' น่ะพอว่า (ก็เป็นไปแล้ว) แต่เป็นเหยื่อกรรไกรรายแรกนี่มัน...

    "...ข้าว่า...อย่าดีกว่า"

    "อะไรกันคะ แค่ตัดผมไม่ยากเท่าไรหรอก เมยายังตัดให้ข้าบ่อยๆ เลย"

    "ข้าว่าเมยาคงไม่ได้ตัดผมให้เจ้าเป็นหัวแรกหรอกมั้ง--โอ๊ย!" คนจรพูดอย่างเคลือบแคลง ก่อนจะสะดุ้งเฮือกเมื่ออีกฝ่ายขยี้แรงเข้า "เจ็บนะ"

    "ข-ขอโทษค่ะ ข้าเพิ่งเคยสระผมให้คนอื่นเป็นครั้งแรกนี่นา" โมโนตอบกลั้วหัวเราะ "เอาเถอะ เจ็บนิดหน่อยไม่เป็นไรหรอก"

    เด็กหนุ่มกะจะตอบว่า แต่ตัดผมแล้วแหว่งนิดแหว่งหน่อยเวลาหายมันช้ากว่าเวลาเจ็บแผล หรือถ้าเผลอเฉือนติ่งหูแหว่งเข้ามันจะไม่หายเลย แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจเงียบไว้เป็นดีที่สุด ถ้าเธอจะขอตัดผมให้เขาขึ้นมา ก็ตอบว่าเขาจะไปหาช่างตัดผมตอนเข้าหมู่บ้านก็แล้วกัน

    เด็กสาวสระผมให้เขาอยู่พักหนึ่งถึงเอาน้ำมาราดอีกเป็นพอ จากนั้นก็ใช้ผ้าชุบน้ำผืนเล็กขัดหลังซ้ำไปมาจนแสบ

    "ข้าว่า...ถูเบาๆ กว่านี้ก็ได้นะ" คนจรพูดอย่างลังเล

    "ไม่อย่างนั้นก็ไม่หายสกปรกน่ะสิคะ" โมโนแย้ง "ไม่ได้อาบมาตั้งสองวัน ถ้าไม่ถูแรงๆ แล้วคราบไคลจะหลุดออกได้ยังไง"

    กลัวแต่ว่าเดี๋ยวข้าจะลอกคราบได้เหมือนงูแทนน่ะสิ...คนจรนึกในใจอย่างปลงอนิจจัง

    "สองวันนี่จริงๆ ไม่นานเลยนะ" เขาออกความเห็นของตัวเอง "ไม่ได้อาบนานเป็นอาทิตย์ข้ายังเคย"

    "หา..." เด็กสาวอุทานอย่างอึ้งๆ "ทำไมหมัก...เอ่อ...ทิ้งไว้นานขนาดนั้นล่ะคะ"

    "ก็ตอนนั้นเดินทางผ่านทะเลทราย มีน้ำท่าให้อาบซะที่ไหนล่ะ"

    "แต่ในทะเลทรายน่าจะมีโอเอซิสไม่ใช่เหรอคะ" โมโนถามอย่างสงสัย "ข้าเคยอ่านมาในหนังสือนะ"

    "มีน่ะมีหรอก แต่ไม่ใช่รายทางทุกๆ วันเหมือนสถานีเปลี่ยนม้าของซาเกรดา โซล สักหน่อย"

    "อ๋อ" อีกฝ่ายรับ เงียบไปอีกครู่ก่อนจะเอ่ยถามอย่างลังเล "แล้วถ้างั้น...เมื่อสี่วันก่อนที่ท่านกลับมาเจอข้า..."

    "ทำไมเหรอ" คนจรรับยิ้มๆ เมื่อเดาได้ว่าอีกฝ่ายจะถามอะไร

    "ก็...เอ่อ...ท่านอาบน้ำครั้งหลังสุดเมื่อไหร่คะ"

    "ก็ประมาณนั้นแหละ" เด็กหนุ่มตอบด้วยเสียงธรรมดาสามัญ

    โมโนเงียบไปนาน ก่อนกำปั้นเล็กๆ จะทุบปั้กบนหลังของเขา

    "ส...สกปรกที่สุด!"

    "นี่เจ้าเชื่อเหรอ" คนจรตอบกลั้วหัวเราะ "ตอนนั้นข้าดูเหมือนคนไม่อาบน้ำมาเจ็ดวันขนาดนั้นเชียว"

    เด็กหนุ่มยิ่งหัวเราะดังขึ้นแม้จะถูกทุบซ้ำ

    "นี่หลอกข้าหรือคะ!"

    "ล้อเล่นนิดหน่อยน่า มาหาเจ้าทั้งที คิดว่าข้าจะมีแก่ใจแบกสารรูปโทรมๆ มารึไงกัน" เขาเฉลย "ข้าก็อาบน้ำโกนหนวดตอนเช้ามืดก่อนใกล้หมู่บ้านเจ้านั่นแหละ"

    "เหรอคะ" โมโนเผลอตัวรับด้วยเสียงสบายใจขึ้นอย่างฟังออกชัด

    "ไม่อย่างนั้นคงไม่กล้ากอดเจ้าหรอก"

    "นั่นสิ" เด็กสาวรับด้วยเสียงเข่นเขี้ยว "ไม่อย่างนั้นตอนกอดข้าคงผลักท่านกระเด็นไปแล้วล่ะ"

    "กล้าเหรอ...โอ๊ย!" คนจรถามแล้วก็ต้องอุทานเมื่อโมโนขัดแรงขึ้น "เบาๆ หน่อยก็ได้ ถูหลังนะไม่ใช่ขูดมัน"

    "ใครบอก ข้ากำลังขูดมันร้องได้อยู่ต่างหาก" อีกฝ่ายตอบหน้าตาเฉย

    "...แสบ..."

    "นี่ว่าข้าเหรอคะ!"

    "ป...เปล่า ข้าหมายถึงแสบหลังต่างหาก"

    โมโนหัวเราะคิก แต่ก็เบามือลงแต่โดยดีจนเหลือแค่ความรู้สึกจั๊กจี้น่าสบายตัว ให้เด็กหนุ่มหลับตานึกอย่างอารมณ์ดีว่าอาบน้ำให้ควรจะเป็นอย่างนี้นั่นแหละ

    เธอถูหลังให้แบบเบาๆ อีกพักหนึ่ง ก่อนจะวางมือและพูด

    "ทีนี้ก็หันหน้ามาสิคะ"

    "หา..." เด็กหนุ่มอุทานเบาๆ หน้าร้อนผ่าวขึ้นทันควัน "เจ้าแน่ใจเหรอ"

    "ทำไมล่ะคะ ขัดหลังแล้วก็ต้องขัดข้างหน้าด้วยสิ"

    "ข...ข้าจัดการเองได้แหละ"

    "ไม่ได้ค่ะ ปล่อยให้ท่านอาบเองไม่สะอาดกว่าข้าอาบให้แน่ๆ" โมโนยืนกรานหนักแน่น

    "แต่ว่า..." คนจรนึกหาเหตุผลจะแย้งแล้วกระดากปากเกินกว่าจะพูด "...เอาก็เอา"

    ...ทนอีกสักนิดคงพอไหวแหละน่า...

    โมโนยิ่งเบามืออย่างน่าประหลาดใจกว่าตอนท้ายของการขัดหลัง มือเล็กบางที่ถือผ้าชุบน้ำเช็ดตามไหล่ของเขาลงมาให้รู้สึกจั๊กจี้ ซ้ำสายตาของเขายังพาลจะมองรอยต่อระหว่างผิวสีขาวกับผ้าสีเข้มที่เหนือเนินอกท่าเดียว พอพยายามมองสูงกว่านั้นก็กลับไปปะเข้ากับริมฝีปากเรียวบาง น่าเชยช้อนขึ้นมาจุมพิตเสียอีก

    เมื่อนึกได้ว่าเขาเพิ่งเห็นเด็กสาวแต่งตัวน้อยชิ้นขนาดนี้ในแสงแดดเต็มๆ ตา มีหยดน้ำพราวบนผิวขาวเนียน เด็กหนุ่มก็เริ่มรู้สึกว่าใจของตนนั้นฟุ้งซ่านขึ้นทุกที

    "ข...ข้าว่าเจ้าขึ้นเถอะ ข้าอาบเองได้"

    "ทำไมล่ะคะ" โมโนถามอย่างสงสัย "อีกเดี๋ยวเดียวก็เสร็จแล้วแหละค่ะ"

    กลัวว่าให้เจ้าอาบต่อ...มันจะไม่ใช่แค่อีกเดี๋ยวเดียวต่างหาก คนจรนึกแวบแต่ไม่กล้าพูด

    "คือ...ประเด็นมันไม่ได้อยู่ตรงนั้น คือว่าข้า..."

    "ทำไมเหรอคะ" เด็กสาวเงยหน้าขึ้นมองเขาตรงๆ นัยน์ตาดำขลับใสซื่อจนเขาอยากดึงตัวเธอเข้ามากอด ประทับริมฝีปากเสียตอนนี้ เลยต้องก้มหน้าลงหลบสายตาเข้าไว้

    "...เดี๋ยวข้า...จะห้ามใจไม่อยู่น่ะสิ"

    "อะไรกันคะ แค่อาบน้ำด้วยกันยังจะห้ามใจไม่อยู่เหรอ"

    ยิ่งอาบน้ำด้วยกันนี่แหละยิ่งห้ามใจไม่อยู่ เด็กหนุ่มถอนใจเฮือกๆ อยู่ในใจ ยิ่งโมโนไร้เดียงสาไม่รู้อะไรเลยแบบนี้ เขาก็ยิ่งละอายความรู้สึกของตนมากขึ้น แผนการบ้าบอใดๆ ที่มีก่อนลงน้ำสลายหายไปสิ้น

    "ใจน่ะก็พอห้ามได้อยู่หรอก แต่..." คนจรก้มหน้าลงพูดงึมงำ

    "แต่อะไรเหรอคะ" โมโนถามก่อนจะก้มหน้าลงมองตามสายตาของเขา แล้วรีบเงยหน้าขึ้นโดยเร็ว

    กระนั้นเด็กสาวก็ยังนิ่งเงียบไปนาน คนจรทำใจให้กล้า ปรายตามองเห็นเธอหน้าแดงเป็นผลเอรีสุกไปเรียบร้อย

    พอขยับตัวได้ ร่างบางๆ ก็รีบจ้ำลุยน้ำผ่านเขาไปหลบหลังหินก้อนหนึ่งพร้อมเสียงพูดตะกุกตะกัก

    "ค...คนบ้า! ขนาดข้ามีผ้าคลุมตัวอยู่ยังเป็นแบบนี้...ถ้าไม่มีจะเป็นขนาดไหนล่ะนี่!"

    เด็กหนุ่มเหลียวตามไปพูดเจื่อนๆ

    "ก...ก็เรื่องแบบนี้มันห้ามกันได้ซะที่ไหนเล่า"

    โมโนไม่ตอบ เอาแต่ขมวดคิ้วมองเขาก่อนจะปาผ้าชุบน้ำในมือตรงมา ตกกระทบผิวน้ำส่งหยดน้ำกระเซ็นมาโดนหน้า

    "ถ้างั้นก็อาบเองแล้วกัน ข้าจะขึ้นล่ะ"

    เด็กหนุ่มเก็บผ้าผืนนั้นขึ้นอย่างปลงๆ ได้ยินเสียงอีกฝ่ายลุยน้ำต่อไปราวห้าหกก้าว แต่แล้วก็ต้องเงยหน้าขวับเมื่อได้ยินเสียงหวีดร้องและเสียงน้ำแตกกระจาย

    พอเห็นร่างน้อยที่คะมำผลุบโผล่ใต้น้ำ เขาก็รีบทิ้งผ้าในมือ รีบปราดเข้าไปหาเธอทันที

    "โมโน!"

    อันที่จริงน้ำตรงนั้นไม่ได้ลึกนัก ก็ยังเป็นระดับเอวอยู่เหมือนเดิม แต่คงเพราะความที่โมโนว่ายน้ำไม่เป็นจริงๆ ตามที่เคยบอกเขา กับความที่ไม่มีหลักยึดให้เธอยันตัวลุกขึ้น เธอเลยตกใจจนตั้งตัวไม่ได้

    คนจรรีบคว้าตัวเธอขึ้นอุ้ม เด็กสาวสำลักจนตัวโยน

    "เป็นอะไรหรือเปล่า"

    โมโนไม่ตอบว่าอะไร เขาลูบหลังให้จนเธอทำท่าจะหายสำลักแล้วจึงค่อยวางร่างของเธอลงบนพื้นให้ยืนเอง

    แต่แล้วเด็กสาวก็ร้องออกมาอีก สีหน้าเหยเก

    "เท้าข้า..."

    เด็กหนุ่มเลยช้อนร่างเธอขึ้น พอมองไปรอบๆ คิดว่าจะขึ้นฝั่งดีหรือไม่ ก็พบกับหินก้อนใหญ่รูปร่างรีมน ผิวลาดจนขึ้นพ้นเหนือน้ำขึ้นมาเล็กน้อย เลยลุยน้ำเข้าไปใกล้แล้ววางร่างเด็กสาวบนนั้น

    "ข้างไหน"

    "ซ้าย...ค่ะ"

    คนจรยกขาข้างที่เธอบอกขึ้นดู คลำแถวข้อเท้า

    "ยังเจ็บอยู่หรือเปล่า"

    "นิดหน่อยค่ะ"

    เด็กหนุ่มตรวจดูให้ละเอียด พบว่าสีของเท้ายังเป็นปกติ ที่ข้อต่อไม่มีอะไรผิดแปลกไป จึงลองบีบเบาๆ

    "เจ็บไหม"

    "ตอนนี้ไม่เจ็บแล้วล่ะค่ะ คงไม่เป็นไรหรอก"

    เขาถอนหายใจอย่างโล่งอก

    "ไม่น่าจะเคล็ดหรือแพลง คงพลิกมากกว่า"

    "...ค่ะ" โมโนรับเหมือนไม่รู้จะพูดอะไรอีก พอเขาเงยมองก็เห็นเด็กสาวก้มหน้านิ่ง สีหน้าเจื่อนๆ สายตาเลื่อนลอยเหมือนยังไม่หายตกใจ

    เด็กหนุ่มเพิ่งสังเกตว่าผ้าคลุมร่างเธอเลื่อนลงมาต่ำกว่าปกติ ปลายผ้าด้านหนึ่งแนบไปกับผิวหินด้านหลัง เปิดเปลือยแผ่นหลังขาว ที่ยังคลุมตัวอยู่ก็เปียกแนบเนื้อ สงสัยชายผ้าที่สอดไว้คงคลายออกเมื่อตอนล้ม ทว่าความเป็นห่วงทำให้เขาไม่ทันสนใจตั้งแต่ตอนนั้น

    คนจรเลยรีบเบือนหน้าไปอีกทางแล้วบอกเบาๆ

    "จัดผ้าคลุมตัวเถอะ เดี๋ยวข้าจะอุ้มไปส่งที่ฝั่งให้"

    โมโนยังเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ

    "ไม่เป็นไรหรือคะ"

    "...ไม่เป็นไรยังไงล่ะ"

    "ก็...ท่านจะไม่..."

    "เวลาแบบนี้ยังจะพูดอีก!" เด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนอารมณ์ของตนเดือดขึ้นเล็กน้อย "ข้าแยกแยะออกหรอกน่าว่าอะไรถูกอะไรควร! ให้ตายสิ!"

    "โกรธเหรอคะ..." เด็กสาวพูดเสียงเครือเหมือนจะร้องไห้

    เขาสูดหายใจลึกๆ ระงับอารมณ์ก่อนจะตอบเรียบๆ

    "ไม่ได้โกรธเจ้าหรอก โกรธตัวเองต่างหากที่ไม่ทันระวัง เกิดเจ้าเป็นอะไรขึ้นมา--"

    พูดไม่ทันจบโมโนก็กางสองแขนออกโอบรอบไหล่เขาทันควันพร้อมเสียงละล่ำละลัก

    "...ขอโทษค่ะ...ข้าขอโทษ..."

    "ขอโทษอะไรกัน"

    "...ก็ข้าไม่ดี...ข้าทำตัวไร้เหตุผลเอง..."

    เด็กหนุ่มยกมือขึ้นลูบหลังของอีกฝ่าย ไม่มีความคิดใดๆ เคลือบแฝงเลยนอกจากจะปลอบโยน

    "ไม่เป็นไรหรอก ปลอดภัยก็ดีแล้ว คราวหลังก็ระวังตัวหน่อยนะ"

    "...ค่ะ..." เด็กสาวตอบพร้อมกับสะอื้นน้อยๆ

    "นิ่งซะนะ นิ่งซะ"

    เขาผละจากอ้อมกอด วักน้ำขึ้นล้างหน้าให้อีกฝ่าย

    "เชื่อเขาเลย กระทั่งอาบน้ำยังมีเรื่องให้ร้องไห้ได้ด้วย"

    "ก็ข้า...ข้ากลัวนี่คะ" โมโนตอบเสียงสั่น "ตอนนั้น...มันอึดอัดมาก...หายใจไม่ออก ข้ากลัว...กลัวว่าตัวเองจะตายซะแล้ว..."

    "ไม่ตายหรอก ใกล้กันแค่นี้ ข้าช่วยเจ้าทันอยู่แล้ว ข้าไม่มีวันปล่อยให้เจ้าเป็นอะไรไปหรอกนะ" คนจรพูดพลางยกมือขึ้นลูบเรือนผมของเด็กสาวเบาๆ แล้วก็ต้องตกใจมากเมื่อเธอโผเข้ากอดคอเขาแน่นอีกครั้ง

    ใบหน้าของเขาซบลงตรงไหล่ เห็นผ้าคลุมกายเด็กสาวที่ยิ่งเลื่อนต่ำลงอีก พลอยทำให้หน้าร้อนผ่าวขึ้น

    "...โมโน...ผ้า..." เขาพึมพำแผ่วๆ เพื่อให้เธอรู้สึกตัว แต่อีกฝ่ายกลับตอบด้วยเสียงกระซิบ

    "ไม่เป็นไรค่ะ"

    โมโนก้มหน้าลง ประคองใบหน้าของเขาให้เงยขึ้นก่อนจะจูบเบาๆ ที่แก้ม ไล่เรื่อยมาถึงริมฝีปาก

    เด็กหนุ่มหลับตา ดื่มด่ำกับสัมผัสนุ่มนวลจนกระทั่งอีกฝ่ายถอนริมฝีปากเมื่อเขาเริ่มโหยหามากกว่านั้น

    "แน่ใจหรือ" เขาถามขณะใช้สองมือลูบแนวไหล่ลาดละมุนลงมาถึงท่อนแขน

    "ถ...ถามมากเดี๋ยวข้าก็เปลี่ยนใจหรอก" โมโนชายตาหลบ พึมพำขวยเขิน

    คนจรเลยค่อยๆ ประคองเด็กสาวให้เอนลงบนผืนผ้า ตอบด้วยรอยยิ้มแฝงนัย

    "งั้นไม่ถามล่ะ แต่ห้ามเจ้าเปลี่ยนใจเด็ดขาด"


    สีท้องฟ้าเริ่มจัดขึ้นบ้าง เสียงนกร้องกับภาพฝูงนกที่บินกลับรังผ่านเหนือศีรษะเป็นระยะๆ เป็นสัญญาณว่าเดินทางต่ออีกเพียงครู่ พวกเขาก็คงต้องตั้งที่พักแรมกันอีกครั้ง

    หรือจะไม่ต้องเดินทางต่อดีนะ ถือเสียว่าได้พักผ่อนสบายๆ สักวัน บริเวณใกล้ๆ นี้ก็พอเหมาะจะใช้พักนอนได้พอดี

    เด็กหนุ่มเงยหน้ามองฟ้า พร้อมกับคิดว่ามีหินหนุนหลังศีรษะ มีน้ำเป็นผ้าห่มคลุมกาย มีหมอนข้างนุ่มนิ่มซบไหล่อยู่แบบนี้ต่อไปอีกสักพักก็ดีไม่หยอก

    "อาบน้ำทุกวันก็ดีเหมือนกันนะ" เขาเปรยขึ้น

    "เห็นไหมคะ อาบน้ำแล้วสบายตัวดีออก" โมโนตอบเสียงเคลิ้มฝันอยู่ข้างๆ "ข้ายังหลับคาอ่างน้ำบ่อยๆ จนเมยาต้องมาเคาะประตูปลุกเลย"

    "ฮื่อ สบายตัวจริงๆ นั่นล่ะ" เด็กหนุ่มรับก่อนจะหอมแก้มอีกฝ่าย แล้วหันมาส่งยิ้มให้ "เพราะมีเจ้าอยู่ด้วยแท้ๆ"

    เด็กสาวหน้าแดงทันควัน ก่อนจะลุกขึ้นยืน คว้าผ้าที่รองหลังมาคลุมตัวเป็นพัลวัน

    "ม-ไม่ได้หมายความว่าสบายอย่างนั้นซักหน่อย"

    "สบายอย่างนั้นอะไรเหรอ" คนจรย้อนถามด้วยสีหน้าซื่อสุดขีด

    โมโนหันกลับมาค้อนขวับ

    "รู้แล้วยังจะถามอีก"

    เด็กหนุ่มหัวเราะน้อยๆ จัดแจงพันผ้ารอบตัวเช่นกันก่อนจะก้าวตามมาโอบไหล่

    "มา ให้ข้าช่วยประคองดีกว่า เดี๋ยวเจ้าล้มอีก"

    "ม...ไม่ต้องหรอกค่ะ ข้าเดินเองได้ ไม่เป็นไรแล้วล่ะ" เด็กสาวแย้งตะกุกตะกัก

    "นี่เจ้าเห็นข้าเป็นอะไรน่ะ ให้แตะตัวเจ้าเป็นไม่ได้เลยหรือไง" คนจรอดบ่นไม่ได้

    "ก็...ก็...เดี๋ยวก็ต้องล้างตัวกันอีกรอบหรอก" โมโนพูดได้เท่านี้ก็ต้องอุทานเบาๆ เมื่ออีกฝ่ายช้อนร่างน้อยขึ้นอุ้มทันควัน

    "ก็บอกแล้วไง ข้าไม่ทำอะไรที่เจ้าไม่อยากให้ทำหรอก"

    เด็กสาวเลยเงียบไป ปล่อยให้เขาอุ้มเดินลุยน้ำไปจนถึงฝั่งแล้วค่อยวางลงให้เท้าแตะพื้น เธอเดินไปหยิบเสื้อผ้าชุดใหม่จากกระเป๋าก่อนจะตรงไปหลังพุ่มไม้พร้อมกับประโยคประจำตัว

    "ห้ามแอบดูนะคะ"

    เด็กหนุ่มถอนใจเบาๆ

    "อันที่จริงไม่ต้องห้ามทุกครั้งก็ได้ ยิ่งห้ามก็ยิ่งอยากดูรู้ไหม"

    "ก...ก็เมยาบอกว่าเป็นผู้หญิงต้องสำรวม จะทำอะไรต้องระวังตัวนี่นา เดี๋ยวจะไม่งาม..." เสียงตอบมาจากหลังพุ่มไม้

    "แต่เราสองคนเป็นอะไรกัน ลืมไปแล้วเหรอ" คนจรอดยิ้มเอ็นดูไม่ได้ "ไม่เห็นต้องระวังตัวแจขนาดนั้นก็ได้"

    ไม่มีเสียงตอบ นอกจากเสียงสวบสาบของเนื้อผ้า เด็กหนุ่มเกิดนึกสนุกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จึงเริ่มพูดต่อพร้อมกับแต่งตัว

    "ที่เผ่าอัสลาน ผู้หญิงผู้ชายยังนุ่งลมห่มฟ้าเล่นน้ำด้วยกันได้เลย ไม่เห็นจะเป็นอะไร"

    "หา!" โมโนอุทานเสียงดัง มีเสียงตุบเหมือนผ้าสักชิ้นตกพื้น "ท่านไม่เคยเล่าเรื่องแบบนี้ให้ข้าฟังเลยนี่นา"

    "ตอนนั้นขืนมีใครรู้ว่าข้าเล่าให้เจ้าฟัง ข้าคงโดนไล่จากอารามไม่ให้พบหน้าเจ้าอีกแล้วมั้ง"

    "ล...แล้วไม่เป็นไรหรือคะ"

    "ก็ไม่เป็นไรน่ะสิ ข้ายังเคยแก้ผ้าเล่นน้ำกับเพื่อนๆ ทั้งผู้ชายผู้หญิงบ่อยๆ เลย"

    "ถ...ถ้างั้นก็...เคย...เห็น...ผู้หญิงคนอื่นแล้วน่ะสิ" เด็กสาวในชุดเสื้อกางเกงของเขาโผล่หน้าแดงก่ำพรวดจากหลังพุ่มไม้ ก่อนจะก้าวยาวๆ เข้ามาหา

    เด็กหนุ่มหันกลับมายิ้มกริ่ม

    "ฮื่อ เห็นมาเจ็ดแปดคนได้แล้วมั้ง"

    "แล้วท่านไม่...ไม่..." โมโนก้มหน้างุด ถามเสียงที่ทั้งหวาดหวั่นและกระเง้ากระงอด

    "ไม่รู้สึกเหมือนเวลาที่อยู่กับเจ้าน่ะหรือ" คนจรแทบหัวเราะออกมาดังๆ "จะไปรู้สึกอะไรกัน ตอนนั้นข้ายังไม่ถึงสิบขวบด้วยซ้ำ เพื่อนๆ ที่เห็นแต่ละคนก็ตัวแบนเป็นไม้กระดานเหมือนๆ กันทั้งผู้ชายผู้หญิงนั่นล่ะ"

    เด็กสาวเงยหน้าขึ้นอย่างสงสัย

    "นี่พูดถึงตอนเด็กเหรอคะ"

    "ก็เด็กน่ะสิ พอเริ่มโตเป็นหนุ่มเป็นสาวก็แยกกันไปตามเรื่องตามราวแล้ว"

    สีหน้าของโมโนกลับเป็นครุ่นคิด ไม่ได้ต่อว่าที่เขาหลอกเล่น แต่กลับพูดช้าๆ เหมือนเพิ่งนึกอะไรบางอย่างได้

    "ตอนเด็กๆ ข้าไม่เคยเล่นน้ำกับใครเลยค่ะ"

    "อยู่ในอาราม เขาไม่ค่อยอยากให้เล่นซนกระมัง"

    "คงอย่างนั้นมั้งคะ" เด็กสาวตอบพร้อมกับยิ้มเศร้าๆ "นึกดูแล้ว ตอนเด็กๆ ข้าก็ไม่ค่อยได้เล่นอะไรเหมือนเด็กคนอื่นๆ เหมือนกัน"

    คนจรก้าวเข้าไปใกล้เธอ ยิ้มน้อยๆ ก่อนจะโอบไหล่หลวมๆ จากด้านหลัง

    "เล่นกับข้าก็ได้นะ จะเล่นน้ำ ซ่อนหา ไล่จับ หรือปาหมอนก็ว่ามาเลย"

    โมโนกลับหมุนตัวมาผลักเขาออกทันควัน

    "นี่คิดอะไรอยู่เนี่ย"

    เด็กหนุ่มหัวเราะเบาๆ ก่อนจะมองรอบตัวแล้วเริ่มพูดจริงจังขึ้น

    "จะเย็นแล้ว เดี๋ยวข้าไปหาของกินก็แล้วกัน คืนนี้จะได้พักกันที่นี่เลย"

    "ค่ะ" โมโนรับคำอย่างว่าง่ายก่อนจะก้มลงเก็บเสื้อผ้าที่ทั้งสองใส่แล้วขึ้นมาในอ้อมแขน "ถ้าอย่างนั้นข้าจะซักผ้ารอนะคะ"

    "ฮื่อ" คนจรรับคำง่ายๆ ขณะหยิบหลาวไม้และมีดพร้าอุปกรณ์หากิน กำลังจะเดินจากไปพร้อมกับผิวปากอย่างอารมณ์ดีเมื่อเด็กสาวเอ่ยต่อ

    "คืนนี้เข้านอนแต่หัวค่ำนะคะ"

    "หือ" เด็กหนุ่มเหลียวกลับมาอย่างสงสัย "ทำไมหรือ"

    "ก็...คือ...ข้าหมายความว่า..." โมโนก้มหน้าลงซ่อนสีเรื่อบนแก้ม "...ท่านใช้สิทธิ์ของคืนนี้ไปแล้วค่ะ"

    "เดี๋ยว มีนับอย่างนี้ด้วยเหรอ" คนจรแย้งทันควัน

    "นี่...ใจคอจะไม่ให้ข้าได้พักผ่อนบ้างเลยเหรอคะ!"

    "ห...ให้ ให้สิ ให้อยู่แล้ว คืนนี้นอนพักตามสบายเลย พรุ่งนี้จะตื่นสายข้าก็ไม่ว่าอะไร" เด็กหนุ่มรีบตอบ เด็กสาวไม่ตอบอะไรแต่หอบผ้าเดินตรงไปที่ริมน้ำ เขาเลยเดินคอตกไปอีกทาง

    พอผ่านอะโกร มันก็พ่นลมหายใจพรืดเบาๆ คนจรจึงหันขวับไปเขม่นมองอย่างหาเรื่อง

    "เออ ไว้มีโอกาสจะรีบหาเมียให้แก จะได้ตกที่นั่งเดียวกันมั่ง"

    "พี่คนจร ตะกี้พูดอะไรกับข้าหรือเปล่าคะ" เสียงคนซักผ้าตอบกลับมาแทน

    "ป...เปล่าไม่มีอะไรหรอก แค่บอกอะโกรให้ทำตัวดีๆ น่ะ" เด็กหนุ่มตอบแล้วก็รีบก้าวยาวๆ ไปเป็นการตัดบท

    ทว่าอารมณ์บูดก็ไม่ได้คงอยู่นาน พอนึกถึงความทรงจำเมื่อครู่ คนจรก็ยิ้มออกมาพร้อมกับผิวปากเป็นเพลงเบาๆ

    อย่างน้อยเขาก็ชอบการอาบน้ำในบ่ายนี้มากกว่าครั้งไหนๆ


Note: เอิ้ก...ฝูงมดลอยตายคาผิวน้ำเต็มเลย เอ้า ทีมงานรีบเคลียร์ฉากเร็ว ^^;;;

อันที่จริงผมเกิดฟุ้งซ่านคิดตอนนี้คลายเครียดมาได้พักนึงแล้ว แต่มาได้โอกาสเขียนก็หลังจากคุยขำๆ กับคุณ Runaway Guy ว่าถ้าโมโนกับคนจรอาบน้ำกันกลางป่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง แถมพาคนใกล้ตัวไปนอนเล่นรับลมในสวนลุมยามบ่ายสักหน่อยจนเกิดความคิดลงตัวขึ้นมา เลยว่าจะเขียนไว้สำหรับลงรับเทศกาลวาเลนไทน์ ขอขอบคุณคุณ Runaway Guy สำหรับไอเดียต่อยอด และขอบคุณแรงบันดาลใจจากคนคนนั้นครับ =^^=

อืม...ผมเองก็ไม่อยากเป็นตาแก่ขี้บ่น เพราะฉะนั้น ความเห็นที่ผมมีต่อขอบเขตความสัมพันธ์ของคู่นี้อยู่ในโน้ตท้ายไซด์สตอรี่ตอน Tenderness แล้ว แต่ที่อยากย้ำอีกข้อคือผมอยากให้มองความความสัมพันธ์ของสองคนนี้เป็นความรักที่ย่อมร้อนแรงตามวัยหนุ่มสาว ซ้ำยังอยู่ในช่วงฮันนีมูนพีเรียดกันด้วย จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะออกมาในรูปนี้ ไม่ได้ตั้งใจจะเน้นอะไรหวือหวาอื้อหือว่าช่างบำเพ็ญตนได้เหมือนขุนแผนกับนางวันทองเข้าป่าจริงๆ สักนิดนะครับ ^^;;;

อย่างที่บอกตอนต้นว่าเขียนตอนนี้ออกมาก็เพื่อคลายเครียดส่วนตัว และเพื่อให้เห็นช่วงเวลาสบายๆ ของโมโนกับลูกชาย (???) ที่ผมไม่สามารถใส่ลงไปในเนื้อเรื่องหลักได้ ด้วยความกลัวยืดและหลุดโทนเป็นรักหวานแหววจนเกินไป ดังนั้นก็เลยอยากให้คนอ่านได้อ่านสบายๆ ขำๆ คลายเครียดจากเรื่องหลักที่เริ่มบิดเกลียวเขม็งทุกทีแล้วครับ แต่ก็น้อมรับคอมเมนต์เพื่อปรับปรุงเช่นเคยครับ m[_ _]m

สุดท้ายนี้ก็สุขสันต์วาเลนไทน์ล่วงหน้านะครับ :)